พ่อรวยสอนลูกโดย นพ.ภัทรชัย พุทธวิบูลย์

Updated 2004-11-24 00:00:00


พ่อรวยสอนลูก
" นายสะตอ"

          หนังสือชื่อ RICH DAD-POOR DAD ซึ่งเขียนโดย ROBERT T.KIYOSAKI และ SHARON L.LECHTER เป็นหนังสือที่ขายดีมาก ผมเข้าใจว่าพวกเราทุกคนคงเคยได้ยินชื่อ และ บางคนเคยได้อ่านมาบ้างแล้ว ขณะนี้หนังสือออกมาถึงเล่ม 4 แล้ว สงสัยจะแข่งกับ HARRY POTTER !

          ผมอ่านเล่มแรกอย่างตั้งใจ และ ขีดเส้นใต้ตอนที่สำคัญเอาไว้ด้วย เพื่อจะให้ลูกชายซึ่งกำลังเรียนวิศวกรรม ปี 2 ได้สนใจมาอ่านบ้าง เพราะอยากให้หนังสือสอนอะไรบางอย่างแทนเรา

 พอถึงเล่มที่ 2 เริ่มจะเบื่อ และ ขี้เกียจอ่านแล้ว จับใจความได้ว่าการหาแบ่งเป็น 4 ช่องทาง ได้แก่ ลูกจ้าง,อาชีพอิสระ,เจ้าของกิจการ และ นักลงทุน ตอนนี้ผมเดินมาถึงขั้นที่ 3 แล้ว คือ เจ้าของกิจการ และ ฝันอยากจะมีอิสระให้เงินทำงานเอง แบบนักลงทุน ซึ่งคุณ ROBERT KIYOSAKI ทำได้แล้วเหมือนกัน แต่ผมก็ยังทำไม่ได้สักที

          ผมมีเพื่อนรุ่นพี่ ท่านจบปริญญาตรีจากม.เกษตรศาสตร์ จบปริญญาเอกทางด้าน"ดิน"จากประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่กำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้มีการประชุมนานาชาติเรื่องดินที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์พอดี ผมถามท่านว่าจะไปประชุมไหม ท่านตอบว่า ไม่ไป ท่านบอกว่าตอนเรียนอยู่ที่ม.เกษตรศาสตร์ มีคำพังเพยกล่าวกันสนุกสนานว่า "อยากสบาย ให้เป็นนักวิชาการเกษตร อยากรวยให้ค้าเกษตร และ อยากจนให้ทำเกษตร" ท่านบอกว่าสงสารพวกข้าราชการที่ early retire ได้เงินมา 1 ก้อน ไปซื้อสวน ทำสวนตอนนี้ ผลไม้ออกแล้ว เงาะกิโลละ 3 บาท แทบจะฆ่าตัวตาย แล้วท่าน ดร.ผู้นี้ทำอะไร ก็ไปซื้อดินเหมือนกัน ซื้อเป็นภูเขาเลย เอามาปั้นแล้วเผาขายเป็นอิฐ วันละประมาณล้านก้อน ราคาก้อนละ 2-3 บาท เหมือนกัน ท่านผู้อ่านเห็นหรือยัง นี่แหละพ่อรวยสอนลูก

          ผมมีคนไข้อยู่คนหนึ่ง เป็นนักธุรกิจชาวมาเลเซีย เชื้อสายจีน ขณะนี้อายุประมาณ 65 ปี ท่านผู้นี้ผมเคยผ่าตัดต้อกระจกให้ 1 ตา เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว ทุกปีท่านจะมาเยี่ยม และ มาตรวจตาที่ผ่าแล้ว และ ตรวจตาอีกข้างหนึ่ง ท่านผู้นี้มีโรงงานน้ำยางพาราผลิตถุงมืออยู่หลายโรง มี รถยนต์ BENZ S -CLASS หลายคัน มีลูกสาวคนเดียว ทำงานอยู่ที่ UNITED AIRLINE ที่ USA ท่านนักธุรกิจผู้นี้เคยเล่าให้ผมฟังว่า ตอนเป็นวัยรุ่นอยู่ที่มาเลเซียเคยบอกกับตัวเองว่าศักยภาพในตัวของเขานั้นไม่เหมาะกับการเป็นพนักงานบริษัท เขาสามารถทำธุรกิจขนาดใหญ่ได้ และ ตอนนี้เขาก็ทำได้จริง ๆ ใช้เวลาไปเกือบทั้งชีวิตเลย เขาบอกถ้าให้เลือกใหม่อยากเป็นพนักงานบริษัทดีกว่า น่าจะมีอิสรภาพ และ ความสุขมากกว่าเจ้าของโรงงานที่เขามีอยู่ คนนี้ก็พอรวยสอนลูกเหมือนกัน ลูกสาวจึงไปอยู่ UNITED AIRLINE !

          ข้อดีของหนังสือเล่มนี้กระตุ้นให้คนหลุดพ้นจากการเป็นลูกจ้างคนอื่น พยายามให้คนพัฒนาเป็นอาชีพอิสระ และ เจ้าของกิจการ อ่านแล้วสนุก ชวนติดตาม แต่พออ่านจบ คิดไตร่ตรองแล้วมาเปิดดูอีกที รู้สึกว่าอ่านแล้วเกิดความโลภมากขึ้น ผมสังเกตุว่า ผู้ที่อยู่ระดับ 4 คือ Investor ก็ไม่เห็นจะมีความสุขเลย ไปไหนก็ไม่ได้นาน ต้องคอยดูราคาหุ้นของตัวเองในตลาดหลักทรัพย์วาจะตกลงมากขนาดไหน เครียดเหมือนกัน แต่เขาไม่เขียนออกมาให้พวกเราอ่านหรอก เพราะลูกค้าของหนังสือส่วนใหญ่เป็นลูกจ้าง

          ท่านดร.ที่กล่าวถึงไปนั้นเคยชวนผมไปเที่ยวเมืองจีนด้วยกัน ผมก็ดีใจ จะได้ไปเที่ยว แต่แทนที่จะได้ไปเที่ยว ชีวิตกลับหักเหไปอยู่ในวัดแถวภาคอีสานเสีย 7 วัน ถือศีล 8 ,ไม่มีไฟฟ้า พระอาจารย์ที่มาดูแลเป็นชาวแคนาดาอายุประมาณ 70 ปี ท่านเคยเป็นมหาเศรษฐีอยู่ที่แคนาดา ทิ้งสมบัติมาบวชในเมืองไทยมา 40 กว่าพรรษาแล้ว วันแรกที่ผมไปอยู่ ท่านก็จับ reset ความคิดใหม่หมดเลย ให้คิดตามที่พระพุทธเจ้าบอก ซึ่งตรงข้ามกับความคิดในชีวิตประจำวันโดยสิ้นเชิง และ ยังสอนอีกว่ากลับบ้านไป ให้ไปสอนลูกชายเรื่องนี้ด่วนเลยนะ

          พอพบหน้าลูกชายก็ขอหนังสือ "พ่อรวยสอนลูก "กลับคืน และ เอาหนังสือ "คู่มือมนุษย์" ซึ่งเขียนโดยพระอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ยัดใส่มือแทนเพื่อให้รู้จัก TECHNICAL TERM ของวิชาพระพุทธศาสนาเอาไว้ก่อน วันหลังถ้าจะได้คุยกันเรื่องนี้จะได้พูดกันรู้เรื่อง นี่ก็พ่อ(ไม่)รวย สอนลูกเหมือนกัน !