Update in Medicine: Rheumatic disease related uveitis

Updated 2015-08-31 22:00:00


การวินิจฉัย: อาศัยอาการและอาการแสดงทางคลินิกเป็นหลัก การตรวจทางห้องปฏิบัติการเช่น autoantibodies คือ antinuclear antibodies (ANA) rheumatoid factor (RF) และ anti-cyclic citrullinated peptides (anti-CCP)  มักไม่พบความผิดปกติ ดังนั้นการซักประวัติและตรวจร่างกายจึงมีความจำเป็นเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคเช่น แผลเรื้อรังเป็นๆหายๆของเยื่อบุช่องปากและอวัยวะเพศที่พบในโรค Behcet หรือ ปวดหลังเรื้อรัง, เส้นเอ็นข้อเท้าอักเสบบ่อยๆ หรือข้อกระเบนเหน็บอักเสบที่พบในโรค ankylosing spondylitis หรือผื่นผิวหนังอักเสบสะเก็ดเงินร่วมกับข้อนิ้วมืออักเสบเรื้อรังในโรค psoriatic arthritis

การตรวจทางห้องปฎิบัติการที่มีประโยชน์และประหยัดคือการส่ง film SI joint (AP, oblique) ซึ่งถ้าผลปกติก็ไม่สามารถ rule out ได้ อาจต้องมีการส่งตรวจเลือด HLA-B27 ในกลุ่ม spondyloarthritis หรือ HLA-B51 ในโรค Behcet เพิ่มเติมในกรณีที่สงสัยโรคดังกล่าว

การรักษา: ใช้ยา corticosteroids ขนาดสูงในช่วงแรกและปรับลดยาเมื่อควบคุมการอักเสบได้ การใช้ยาปรับภูมิคุ้มกัน เช่น methotrexate cyclosporine หรือ cyclophosphamide ร่วมด้วยในกรณีที่เป็นเรื้อรัง, มีการกลับเป็นซ้ำมากกว่า 2-3 ครั้งต่อปี เพื่อช่วยลดโอกาสกำเริบของโรคกลุ่มนี้  หรือเพื่อช่วยลดขนาดและระยะเวลาการใช้ยา corticosteroids (steroid sparing drugs) จะช่วยลดผลข้างเคียงจากยา corticosteroids ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาข้างต้นและโรคมีความรุนแรงมาก อาจรักษาด้วย anti-tumor necrosis factor (anti-TNF) เช่น etanercept infliximab และ golimumab เป็นต้น